thermageflx ราคา เป็นสิ่งที่มีส่วนที่ช่วยให้คุณได้ตัดสนใจในการทำ เนื่องจากแต่ละคลินิกจะมีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มีผลต่อการกำหนดราคา เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ แพทย์ที่ทำการรักษา ฯลฯ ดังนั้นก่อนการตัดสินใจ สาว ๆ ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละคลินิกเพื่อนำมาวิเคราะห์และตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้การเลือกได้ผลมากที่สุด ไม่ควรเลือกคลินิกที่มีราคาถูกหรือแพงมากจนเกินไป เพื่อให้สาว ๆ ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Thermage คือ
Thermage คือ เครื่องมือที่ช่วยในการยกกระชับผิว และกระตุ้นคอลลาเจน ด้วยการยิงคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ลงไปในชั้นผิวหนังของเราจนถึงชั้นไขมัน พลังงานเหล่านี้จะส่งผ่านความร้อน ซึ่งความร้อนจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและกระชับขึ้นได้ในระยะยาว บริเวณที่นิยมใช้เทอร์มาจ คือ ใบหน้า เหนียง เพื่อปรับผิวให้ตึงกระชับมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้ผลดีกับหน้าท้องและท้องแขนด้วย
ข้อดี Thermage FLX
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หน้าไม่เพี้ยน หลังทำใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ใช้เวลาทำไม่นาน เพียง 40 นาที
- ผิวตึงกระชับทันทีและจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนที่ 2 ขึ้นไป
- เห็นผลยาวนาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการบำรุงผิวแต่ละบุคคล
ผู้ที่เหมาะสำหรับการรักษาด้วย THERMAGE FLX
- ผู้ที่มีไขมันที่ใบหน้าและมีริ้วรอยความหย่อนคล้อยของผิว
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่หน้าไม่ได้รูปคม เนื่องจากสูญเสียคอลลาเจนจากวัยที่เพิ่มขึ้น และต้องการปรับรูปหน้าเรียว
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม
Thermage flx vs cpt ราคาเท่าไหร่
thermageflx ราคา ในปัจจุบันเราสามารถหา Thermage ราคาที่เหมาะสม และเปรียบเทียบราคาของแต่ละที่ได้ง่าย ๆ ราคาจะไม่แตกต่างกันมากในแต่ละคลินิก ถ้าหากราคาถูกเกินไปอาจใช้เครื่องที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเครื่องเลียนแบบได้ จึงต้องตรวจสอบให้มั่นใจก่อนตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่น
ราคาต่อครั้ง Thermage FLX แพงกว่า CPT อย่างน้อย 2 -3 เท่า
Thermage CPT 1200 shots ราคาท้องตลาด 66,000-100,000
Thermage FLX 900 shots ราคาท้องตลาด 135000-180000
เลือกคลินิกการทำ thermageflx
สิ่งที่จะใช้ในการเลือกสถานที่ทำ thermage ของคุณ มีดังนี้
- มีใบอนุญาตประกอบการ
ต้องมีใบอนุญาตประกอบการ จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้เป็นเครื่องยืนยันว่าสถานศัลยกรรมนั้นๆมีคุณสมบัติตรงตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ ซึ่งการจะตรวจสอบว่าสถานที่ดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ง่ายๆแค่นำชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลักที่เขียนอยู่ในใบอนุญาตประกอบการ มาตรวจสอบสอบที่เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
- แพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำthermageต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากสภาวิชาชีพของแพทย์หรือ “แพทยสภา” ซึ่งเป็นใบที่สามารถยืนยันว่าแพทย์มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะทำการรักษาคนไข้ได้ โดยส่วนมากแล้วทุกคลินิกศัลยกรรมจะทำการติดใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ไว้ที่หน้าห้องหรือหน้าคลินิก แต่ถ้าไม่มีติดไว้เราสามารถขอดูใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ได้ และนำหมายเลขใบประกอบวิชาชีพดังกล่าวไปตรวจสอบว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอมได้ที่เว็บไซต์ www.tmc.or.th เพื่อความมั่นใจได้
- แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ
แพทย์ที่ทำ thermage ต้องมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการทำ thermageเนื่องจากแพทย์แต่ละท่านจะมีความเชี่ยวชาญในการศัลยกรรมและดูแลผิวพรรณที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกแพทย์อาจมาจากการบอกต่อ การรีวิว การพูดคุยกับแพทย์ และผลงานที่ผ่านมา เป็นต้น
- มีที่ตั้งชัดเจนได้มาตรฐานและมีความสะอาด
ต้องมีที่ตั้งชัดเจนเป็นหลักแหล่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนพื้นที่ภายในห้องตรวจ ห้องผ่าตัด หรือพื้นที่โดยรวมต้องสะอาด อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องที่ใช้ในการตรวจหรือการผ่าตัดต้องสะอาด มีการฆ่าเชื้อและการดูแลอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน รวมไปถึงต้องมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการกู้ชีพ มีเครื่องมือตรวจวัดสภาพความพร้อมของคนไข้ก่อนเข้ารับการศัลยกรรม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนและช่วยเหลือคนไข้ในยามฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
- ราคาเหมาะสม
การเลือกใช้บริการสถานที่ทำ thermage ไม่ควรเลือกที่มีราคาถูกเกินไป เพราะบางครั้งราคาก็สามารถบ่งบอกถึงคุณภาพของวัสดุ บริการและแพทย์ที่นำมาให้บริการศัลยกรรมจากคลินิกนำมาใช้ได้ จึงควรเลือกใช้บริการคลินิกศัลยกรรมที่มีราคาสมเหตุสมผลไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป
ผลลัพธ์หลังการทำ Thermage
การทำ เทอร์มาจ มีขั้นตอนในการทำง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่มีรอยแผล เมื่อทำเสร็จโครงสร้างที่อยู่ใต้ผิวกระชับขึ้นทันที 20% และค่อยๆดีขึ้นเรื่อย ๆเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ผิวกระชับขึ้นอีก ทำให้ผิวแข็งแรง กระชับและดูอ่อนกว่าวัยครับ ผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนในช่วงเดือนที่ 2-3 หลังทำ และสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุของคนไข้