การกรน (Snoring) มักเกิดขึ้นได้กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อคอคลายตัวขณะหลับจนทำให้ช่องคอแคบลง ซึ่งส่งผลให้ต้องหายใจเข้าออกแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทางเดินหายใจแคบลงจนถึงจุดหนึ่ง ความแรงของลมหายใจที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ภายในระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีเสียงกรนตามมา การนอนกรนอันตรายไหม
สามารถดูสาเหตุการกรน ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เกิดการปิดกั้นของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อ ภายในระบบทางเดินหายใจ เช่น ลิ้น ลิ้นไก่ เพดานอ่อน คอ หรืออาจเกิดจากสารหล่อลื่น ในระบบทางเดินหายใจลดลง ทำให้เกิดอาการแห้ง และบวม ทางเดินหายใจจึงแคบลง เมื่อหายใจจึงเกิดเป็นเสียงกรน
กรน เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปจึงมักถูกมองข้ามด้วยความเคยชินและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่จริงแล้วการนอนกรนเป็นหนึ่งในภาวะผิดปกติของการนอนหลับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและทำให้เกิดโรคหลายอย่างตามมา
บทความแนะนำ ฉีดสลายไขมัน VS ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จาก Rattinan.com
กรนแค่ไหน เข้าขั้นอันตราย
การนอนกรนที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพนั้นสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง โดยอาจเป็นการบันทึกเสียงระหว่างการนอนหลับหรือให้บุคคลใกล้ชิดเป็นผู้แจ้งเตือนว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ คือ
- อาการกรนมีเสียงดังมากจนรบกวนการนอนของผู้อื่น
- การกรนสลับกับหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ กรนแล้วสะดุ้งเฮือกเพื่อหาอากาศหายใจ
ส่วนอาการร่วมอื่น ๆ ได้แก่
- ปัสสาวะกลางคืนบ่อยครั้ง
- รู้สึกไม่สดชื่นในตอนเช้าและพบว่ามีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ
- ง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน
- ความดันโลหิตสูงขึ้น
หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการตรวจ Sleep test และหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
บทความแนะนำ Gynecomastia รักษา จาก Rattinan.com
การวินิจฉัยนอนกรน
- การเอกซเรย์ (X-Rays) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อตรวจสอบความผิดปกติหรือโครงสร้างของทางเดินหายใจ
- การตรวจสุขภาพการนอนหลับ (Sleep Test) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการนอนกรน ปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาการนอนหลับอื่น ๆ อาจต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลเพื่อศึกษาและวิเคราะห์การนอนหลับโดยผู้เชี่ยวชาญ
โดยจะมีการติดตั้งเครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจจับและบันทึกสัญญาณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น คลื่นสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด ระยะของการนอนหลับ การเคลื่อนไหวของดวงตา การเคลื่อนไหวของขาขณะนอนหลับ เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนของนอนกรนอันตรายไหม
- ความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง หากเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นเวลานาน
- หยุดหายใจชั่วคราว อาจนานไม่กี่วินาทีหรือนานเป็นนาทีในขณะนอนหลับ มีสาเหตุมาจากทางเดินหายใจถูกปิดกั้นบางส่วนหรือทั้งหมด
- นอนหลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกหลายครั้ง ที่อาจรู้ตัวและไม่รู้ตัว ทำให้รู้สึกง่วงนอนในระหว่างวัน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
การป้องกันนอนกรน
- นอนตะแคง การนอนหงายเพิ่มโอกาสให้ลิ้นไปปิดกั้นทางเดินหายใจ
- นอนหมอนสูง โดยใช้หมอนรองให้ศีรษะสูงขึ้นประมาณ 4 นิ้ว
- ลดปริมาณหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน หรือหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับและยาระงับประสาท เพื่อลดโอกาสที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอคลายตัวและปิดกั้นทางเดินหายใจ
- ใช้แผ่นแปะจมูกหรือตัวถ่างจมูกในขณะนอนหลับ จะช่วยเพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจในจมูก ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น
- เลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้คัดจมูก และหายใจไม่สะดวก
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน ควรลดน้ำหนัก จะช่วยให้การนอนกรนลดลงได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การรักษาอาการนอนกรน
- เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก หรือ ซีแพ็พ (CPAP)
เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในการ เปิดขยาย และถ่างทางเดินหายใจส่วนต้น ไม่ให้ ตีบแคบขณะที่เรานอนหลับ โดยตัวเครื่องจะ เป่าลมผ่านท่อสายยาง ไปสู่จมูกผู้ป่วย ผ่านจากหน้ากาก ปัจจุบันเครื่องและ หน้ากากนี้มีหลายรูปแบบและหลายบริษัท เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายมีความแตกต่างกัน จึงสามารถลอง เลือกใช้เครื่องหรือหน้ากาก ที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
การรักษาด้วยเครื่องซีแพ็พจึงถือเป็นมาตรฐานการรักษาโรคนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ เนื่องมีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยเกือบทุกราย แต่จะเป็นผลสำเร็จในระยะยาวหรือไม่ขึ้นอยู่กับการยอมรับของผู้ป่วย
- การใส่ฟันยาง หรือOral Appliance
ผู้ป่วยบางราย อาจรักษาได้ผลดี ด้วยการใส่ฟันยาง การใส่ฟันยางนี้ ทันตแพทย์จะเป็นผู้ตรวจ และประดิษฐ์ ฟันยางให้ผู้ป่วยแต่ละคน จะได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีระดับโรค เล็กน้อย และ ปานกลาง ฟันยางนี้ จะช่วยเปิดทางเดินหายใจส่วนต้นให้กว้างขึ้นโดยการ ยื่นขากรรไกรล่างและลิ้นมาทางด้านหน้า ปัญหาที่พบได้จากการใส่ฟันยางนี้ เช่น ปวดขากรรไกร การสบฟันเปลี่ยนไป น้ำลายไหลมาก
- การผ่าตัด
เพื่อรักษาโรคนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ ได้ผลในบางราย เช่น การผ่าตัด ต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์ในเด็ก จะสามารถช่วยเด็กได้มาก ถือเป็นมาตรฐานการรักษาในเด็ก
บทสรุป
นอนกรนอันตรายไหม การนอนกรนหากมีอาการไม่มากก็จะไม่อันตราย แต่หากมีอาการมากจะส่งผลให้เกิดโรคและอันตรายตามมาได้ ซึ่งได้แก่ การหยุดหายใจในขณะหลับ ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งหากไม่รีบรักษาโรคเหล่านี้จะมาเยือนคุณได้