You are currently viewing เลเซอร์รอยแตกลาย ได้ผลดีแค่ไหน เรามีเคล็ดลับป้องกันมาบอกต่อ

เลเซอร์รอยแตกลาย ได้ผลดีแค่ไหน เรามีเคล็ดลับป้องกันมาบอกต่อ

รอยแตกลาย เป็นรอยแตก รอยแยกที่ผิวหนังที่เกิดจากการยืดและหดตัวของผิวหนัง โดยเริ่มแรกอาจมีสีแดงชมพู หรือสีน้ำตาล และหลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีที่สว่างกว่าสีผิวปกติ มีลักษณะเป็นรอยบาง ยาว ซึ่งอาจเกิดขึ้นตามบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น หน้าท้อง หน้าอก แขนช่วงบน ต้นขา ไหล่ เป็นต้น ซึ่งการรักษาในปัจจุบันนี้สามารถใช้เลเซอร์รอยแตกลายได้

เลเซอร์รอยแตกลาย

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับรอยแตกลาย

  • รอยแตกแตกลาย เกิดจากการขยายของผิวหนังและเนื้อเยื้อบริเวณผิวหนังในเวลาอันรวดเร็ว หรือการที่โครงสร้างคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสตินเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือมีปริมาณลดลง จึงทำให้ผิวหนังในส่วนนั้นสูญเสียความยืดหยุ่นรวมทั้งหนังกำพร้าเกิดการฝ่อตัวและเกิดเป็นเส้นริ้วขึ้น
  • รอยแตกลายสีแดง (Striae rubra) คือ รอยแตกที่พึ่งเกิดขึ้น มักจะมีสีแดง หรือสีม่วงเป็นริ้ว ๆ ในบริเวณที่คอลลาเจนถูกทำลายไป การรักษารอยแตกลายในขั้นนี้สามารถรักษาได้ง่าย
  • รอยแตกลายสีขาว (Striae alba) คือ รอยแตกที่มีอายุมากกว่า หรือเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกยืดและไม่มีเม็ดสีในตำแหน่งนั้น จึงทำให้เห็นเป็นริ้วสีขาวชัดเจน
  • หนึ่งในวิธีการรักษารอยแตกลายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ คือ การรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ที่อาจได้ผลในบางราย สำหรับรอยแตกลายสีแดง จะมีการใช้ Pulsed dye laser ในการรักษา
  • เลเซอร์ท้องลาย เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาปัญหาผิวหน้าท้องแตกลาย โดยในการรักษาหน้าท้องแตกลายจำเป็นที่ต้องรักษาควบคู่กับวิธีอื่น ๆ เช่น การดูแลควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ และทาครีมบำรุงในบริเวณที่เกิดริ้วรอยแตก

รอยแตกลายเกิดจากสาเหตุใด

  • หน้าท้องลาย เกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังที่ถูกดึงเกิดการแยกตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้การแบ่งเซลล์ตามธรรมชาติไม่สามารถเกิดขึ้นทัน
  • เกิดการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ พบได้บ่อยที่สุดในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ มักเป็นบริเวณท้อง หรือหน้าอก
  • เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์นาน ๆ มักมีรอยแตกลายใหญ่ และเป็นหลายที่รวมถึงบนใบหน้า
  • คนที่ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เข้มข้นสูงนานเกินไป

ในการรับมือกับรอยแตกลายเบื้องต้นสามารถทาครีมบำรุงผิวที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2 – 3 ครั้งก็จะช่วยลดปัญหาผิวแตกลายได้ แต่ปัจจุบันนี้การใช้เลเซอร์รักษารอยแตกลายกำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ ที่ไม่ต้องการให้เกิดผิวแตกลายบนผิวหนังของเขาเหล่านั้น

การรักษารอยแตกลายด้วยเลเซอร์

เลเซอร์รอยแตกลาย การรักษาผิวแตกลายด้วยเลเซอร์นี้จะเหมาะกับสาว ๆ ใจร้อนที่อยากให้ปัญหานี้หายไปอย่างรวดเร็ว มีทั้งเลเซอร์แบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสีรอยแตกลายให้ใกล้เคียงกับสีผิวปกติ เลเซอร์สร้างผิวใหม่ และเลเซอร์แบบรักษารอยแดงหรือรักษาความผิดปกติของเส้นเลือด แต่ที่เราอยากจะแนะนำคือ

  • Fraxel Laser เป็นการเลเซอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะกับรอยแตกลายที่เป็นมานานแล้ว
  • V-Beam Laser เป็นการเลเซอร์เพื่อช่วยทำลายเส้นเลือดในคนที่มีรอยแตกแดง เหมาะกับรอยแตกลายที่เพิ่งเกิดใหม่หรือมีสีชมพู

ในการทำเลเซอร์นั้นครั้งเดียวจะไม่เห็นผลอย่างชัดเจน ต้องทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง โดยห่างกันครั้งละ 2 สัปดาห์จนกว่ารอยแตกลายจะค่อย ๆ จางหายไป สามารถรักษาได้ทั้งรอยแตกลายในระยะแรกและระยะหลัง จากการศึกษาพบว่า การรักษาด้วยวิธีนี้จะได้ผลประมาณ 40-60% ซึ่งการรักษาด้วยเลเซอร์นี้จะเหมาะกับผู้ที่มีงบมาก เพราะราคาการทำเลเซอร์ค่อนข้างแพง

เลเซอร์รอยแตกลาย รักษายังไง

เคล็ดลับป้องกันรอยแตกลาย
  • ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างวัยรุ่น ผู้ออกกำลัง และหญิงตั้งครรภ์
  • เลือกอาบน้ำที่อุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรืออุ่นจัดๆ เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้ง ลอกและแตกลายมากยิ่งขึ้น
  • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพราะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยทำให้รูปร่างของเราดูดีและผิวมีความยืดหยุ่นแล้ว ยังช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความสมดุล และช่วยลดการเกิดปัญหาผิวแตกลายได้อีกด้วย
  • ทาครีมบำรุงเป็นประจำเป็นวิธีรักษา ลบรอยแตกลายวิธีแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง โดยให้เน้นการทาครีมบำรุงที่มีความเข้มข้นสูงในบริเวณผิวแตกลายทุกวันเป็นประจำก่อนนอน และในตอนเช้า
  • หลีกเลี่ยงการเกา เนื่องจากการเกาจะทำให้ผิวยิ่งอักเสบมากขึ้น และยังอาจเกิดแผล ส่งผลให้มีโอกาสติดเชื้อ หรือเป็นรอยดำตามมาได้

บทสรุป

เลเซอร์รอยแตกลาย จะเหมาะกับผู้ที่มีงบในการทำสวยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากว่าการทำเลเซอร์ราคาค่อนข้างสูง ทางที่ดีใช้วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยจะดีกว่าจะได้ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันนี้เงินทองหายากมาก พยายามทาครีมบำรุง ดื่มน้ำเยอะ ๆ หลีกเลี่ยงการเกา ไม่อาบน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิสูง เพียงเท่านี้ริ้วรอยก็จะไม่เกิดขึ้นกับตัวท่านแล้ว